จีน ประเทศที่มีแผ่นดินกว้างใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีวัฒนธรรมยาวนานมากว่า 5,000 ปี เป็นแหล่งรวมมรดกโลกถึง 47 แห่ง ทั้งทางวัฒนธรรม และธรรมชาติ มีประชากรมากที่สุดในโลก มีภาษาจีนกลางเป็นภาษาหลัก นอกจากนี้ก็จะมีภาษาจีนกวางตุ้ง ภาษาจีนแต้จิ๋ว ภาษาจีนฮกเกี้ยน และอื่นๆ แล้วแต่พื้นที่แต่ละมณฑลของจีน ความเชื่อที่คนจีนมองคนไทย จะมองว่าคนไทยนั้นดีมาก เหมือนญาติ เหมือนเพื่อนสนิท ไม่มีพิษมีภัย นิสัยน่ารัก ใจดี เป็นประเทศที่เจริญแล้ว เวลาคนไทยไปเที่ยวจีน บางทีอาจจะได้ยินการเรียกเป็นภาษาจีนว่า ไท่กั๋ว โดยแปลว่า ไท่ (เป็นคำมงคล หมายถึง รุ่งเรือง ร่ำรวย ดีงาม) ส่วนคำว่า กั๋ว (หมายถึง ประเทศ)
ประเทศจีนมีแหล่งท่องเที่ยวมหัศจรรย์มากมาย ที่คนยุคกว่าพันปีก่อนปลูกสร้างขึ้นมา จนมาถึงสมัยปัจจุบันนี้ประเทศจีนมีวิวัฒนการเจริญก้าวหน้าขึ้นมาก ทั้งในด้านวัตถุ และวัฒนธรรม เที่ยวจีน ตอนนี้ถือว่าเดินทางสะดวกขึ้นมาก เพราะจีนมีโครงการเชื่อมต่อทางเดินด้วยรถไฟความเร็วสูง ทำให้หลายจุดก่อสร้างเสร็จแล้ว เช่น เซี่ยงไฮ้เดินทางไปปักกิ่ง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง สะดวกสบายไม่แพ้รถไฟชินคันเซนของญี่ปุ่น นอกจากนี้เด็กจีนยุคใหม่พูดภาษาอังกฤษได้มาก โดยเฉพาะนักเรียนในเมือง และยังมีจุดให้ข้อมูลสำหรับนักท่องเที่ยว ที่พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ ส่วนเรื่องอาหารการกินตอนนี้เริ่มเห็น KFC หรือ MC DONALD ในจีนมาเปิดให้บริการมากมาย ค่าครองชีพก็ยังคงถูกอยู่ ขาช้อปปิงต้องแวะไปที่กวางโจว เซินเจิ้น จูไห่ เซี่ยงไฮ้ ซีอาน ปักกิ่ง มาเก๊า ฮ่องกง รับรองไม่ผิดหวัง สุดท้ายคือเรื่องของห้องน้ำ ปัจจุบันได้รับการพัฒนาแล้ว เน้นเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ เช่น ปักกิ่ง กวางโจว เซินเจิ้น ลี่เจียง เมืองเหล่านี้มีห้องน้ำที่ดีในหลาย ๆ จุด ในห้างสรรพสินค้า อุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูร้อน 18-25 องศา และอุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูหนาว 0 – 6 องศา สกุลเงินมีหน่วยเป็นหยวน 1 หยวน ประมาณ 5 บาท
—————————————-
1. เที่ยวจีน “พระราชวังต้องห้าม” (The Forbidden City) สิ่งมหัศจรรย์เมืองจีน
เที่ยวจีน มาที่เมืองหลวงเมืองปักกิ่ง ต้องไปชื่นชมสถาปัตยกรรมของจีนนครต้องห้าม ตำนานความยิ่งใหญ่กว่า 1000 ปีก่อน นั่นคือ พระราชวังกู้กง แต่ปัจจุบันมีชื่อเรียกว่า จื่อจิ้นเฉิง หรือ “พระราชวังต้องห้าม” เนื่องจากมีความเชื่อที่ว่า จักรพรรดิเปรียบเสมือนโอรสแห่งสวรรค์ ดังนั้น ที่ประทับของจักรพรรดิจึงจำเป็นต้องเป็นสถานที่ที่คนธรรมดาสามัญจะเหยียบย่างเข้าไปไม่ได้ นั่นจึงเป็นที่มาของเมืองต้องห้าม เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาชื่นชมมากที่สุดในโลก และติดอันดับ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของจีนอีกด้วย
สุดยอดแห่งสถาปัตยกรรมของจีน พระราชวังต้องห้าม ก่อสร้างมากว่า 1400 ปี สมัยราชวงศ์หมิง จักรพรรดิหย่งเล่อ มีพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมกว้างกว่า 7 ล้านตารางฟุต เทียบได้กับขนาด 80 สนามฟุตบอล มีกำแพงล้อมสูงถึง 10 เมตร มีคูน้ำล้อมรอบ และมีประตูทั้ง 4 ทิศ ใช้เวลาก่อสร้างเสร็จกว่า 14 ปี ภายในพื้นที่มีห้องถึง 9,999.5 ห้อง สถาปัตยกรรมภายในมีเขตพระราชฐานชั้นนอก และชั้นใน ถูกสร้างขึ้นอย่างละเอียดด้วยความเชื่อเลขเก้า ประตูจะมีหมุด 9 อัน 9 แถว ทุกจุดภายในพระราชวังต้องห้ามนี้ มีความหมาย ไม่ว่าจะเป็นหินแกะสลักรูปมังกร ประตู หลังคา รูปปั้นสิงห์ ภายในท้องพระโรง กำแพง คูน้ำ หอสังเกตการณ์ สะพานหินอ่อน รวมไปถึงสวนพักผ่อน และนครต้องห้ามแห่งนี้ ได้รับการบรรจุให้เป็นมรดกโลกเรียบร้อยแล้ว
การเดินทาง : รถไฟฟ้าใต้ดินสถานี Tiananmen West ค่าเดินทางเที่ยวละ 2 หยวน
เวลาทำการ : 08.30-17.00 น.
ค่าเข้าชม : เดือน พ.ย-มี.ค. 40 หยวน และเดือน เม.ย-ต.ค. 60 หยวน
—————————————-
2. เที่ยวกำแพงหมื่นลี้ หรือ “กำแพงเมืองจีน” (The Great Wall) สิ่งมหัศจรรย์เมืองจีน และของโลก
กำแพงเมืองจีน งานสถาปัตยกรรมที่ก่อสร้างขึ้นมาจากแรงงานของมนุษย์ ตั้งแต่ก่อนสมัยยุคจินซีฮ่องเต้ ใช้เวลาก่อสร้างกว่า 2000 ปี จึงจะเสร็จสมบูรณ์ มีระยะทางทอดยาวกว่า 4 พันไมล์ โดยขนานนามกำแพงนี้ว่า “กำแพงหมื่นลี้” กำแพงเมืองจีนมีขนาดใหญ่ กินอาณาเขตของพื้นที่แผ่นดินจีนไปถึง 7 มณฑล ได้แก่ ปักกิ่ง เหอเป่ย ซ่านซี หนิงเซี่ยหุย กานซู แมนจูเลีย และฉ่านซี และนี่คือเหตุผลที่บอกว่ากำแพงเมืองจีน เป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ 1 ใน 7 ของประเทศจีน และความยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกด้วย
ครั้งอดีตกำแพงเมืองจีน ถูกสร้างขึ้นไว้เพื่อป้องกันการบุกรุกของข้าศึกจากทหารมองโกล แมนจู หรือคนเถื่อน จะมีหอสังเกตการณ์ในการส่งสัญญาณบอกจำนวนของข้าศึก ด้วยวิธีใช้ควันไฟ นิยมเรียกสัญญาณควันนี้กันว่า ควันหมาป่า
ปัจจุบันกำแพงเมืองจีน ได้เปลี่ยนบทบาทในการป้องกันข้าศึก เป็นสิ่งมหัศจรรย์ในการสร้างแรงดึงดูดจากนักท่องเที่ยวกว่าหนึ่งหมื่นคน/วัน ให้มาเที่ยวสถานที่แห่งนี้ เพื่อมายืนถ่ายรูปกับคำแกะสลักบนก้อนหินขนาดใหญ่ที่ประธานเหมาเจ๋อตุงได้กล่าวไว้ว่า “มาไม่ถึงกำแพงเมืองจีน มิใช่วีรบุรุษ” นักท่องเที่ยวจีน สามารถเข้าชมกำแพงเมืองจีนได้จาก 4 ด่าน หลักๆ นี้
– ด่านปาต๋าหลิง (อยู่ทางทิศเหนือของปักกิ่ง เป็นด่านที่นิยมมากันมากที่สุด เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย)
– ด่านมู่เทียนอวี้ (อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของปักกิ่ง)
– ด่านจี้หย่งกวน (กำลังได้รับการตอบรับจากกรุ๊ปทัวร์ทั่วโลก)
– ด่านซือหม่าไถ่ (อยู่ไกลถึง 124 กม. จึงไม่เป็นที่นิยมไปกันเท่าที่ควร)
—————————————-
3. เที่ยวจีน “สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้” (The Terracotta Warriors) สิ่งมหัศจรรย์เมืองจีน
สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ คือ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของจีน เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ที่แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนการของสถาปัตยกรรมโบราณของจีน และเป็นหลักฐานบ่งบอกถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ขององค์จักรพรรดิ ที่มีนักรบกองทัพหุ่นปั้นขนาดเท่าคนจริงกว่า 8,000 ตัว มีไว้เพื่อปกป้องสมบัติของจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้หลังจากความตาย สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ถูกค้นพบที่ตำบลหลินถง ห่างจากเมืองซีอาน มณฑลฉ่านซี ของประเทศจีน
จากการค้นพบกองทัพนักรบรูปปั้นของจิ๋นซีฮ่องเต้นั้น นักโบราณคดีค้นพบว่าหุ่นแต่ละตัว แต่ละรูปปั้นนั้นเหมือนมีชีวิต และมีขนาดเท่าคนจริง ลักษณะหน้าตา กริยาท่าทาง เครื่องแต่งกายไม่มีเหมือนกันเลยแม้แต่ตัวเดียว และห่างจากรูปปั้นดินเผาไปไม่ถึงหนึ่งไมล์ ได้ขุดค้นพบทหารม้าศึกทองแดง ที่สร้างด้วยมือ มีเงินและทองคำกว่า 1,720 ชิ้น นอกจากนี้ ภายใต้สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ยังคงเก็บวัตถุโบราณทางประวัติศาสตร์ และสมบัติอื่นๆ ที่ยังไม่ถูกพบอยู่อีก จึงทำให้ยังไม่สามารถประเมิณค่าของที่ถูกซ่อนอยู่ภายในได้ในขณะนี้้ โดยเฉพาะพระราชวังใต้ดินที่ถูกสร้างอยู่ในระดับที่ลึกที่สุด ถูกตรวจสอบว่าภายในสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้มีสารปรอทจำนวนมาก ซึ่งตรงกับบันทึกของซือหม่าเสี่ยน ที่ได้บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์จีนกว่า 2000 ปี
—————————————-
4. เที่ยวจีน เขาอู่ตัง หรือ “ภูเขาบู๊ตึ้ง” (Wudang Mountains) สิ่งมหัศจรรย์เมืองจีน
ชาวจีนรู้จักเขาอู่ตังซาน หรือ ภูเขาบู๊ตึ้ง คือยอดเขายอดแรกที่อยู่ใต้สรวงสวรรค์ บริเวณรอบเขาประดิษฐ์ฐานไปด้วยวัง วัด พลับพลาที่สวยงาม และสะพานอันตะกานตาบนผืนน้ำ รวมไปถึงสิ่งปลูกสร้างทุกชนิดที่เข้ากับภูมิประเทศอย่างลงตัว ในมณฑลหูเป่ย ภูเขาบู๊ตึ้งเป็นภูเขาที่มีสิ่งปลูกสร้างทางสถาปัตยกรรมมากกว่าเขาไหนๆ ในเอเชีย มีวัด และวังกระจายออกไปอยู่ในพื้นที่ตารางไมล์ สถานที่ศักดิ์แห่งนี้มี 8 วัง 2 วัดถ้ำ 39 สะพาน 36 สำนักชี 12 พลับพลา และ 2 วัด สถานที่แห่งนี้จึงถูกจัดให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของจีน และเป็นมรดกจนถึงทุกวันนี้
ภูเขาบู๊ตึ้ง ชื่อภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นดินแดนแห่งความสงบ มีปรมาจารย์เจินอู่ หรือเทพเจ้าเสวียนอู่ประดิษฐ์อยู่บนยอดสูงสุด มีตำนานเล่าว่า มีองค์ชายมาฝึกศิลปะการต่อสู้ และศึกษาลัทธิเต๋าอยู่บนยอดเขาอู่ตังจนสำเร็จกลายเป็นเซียน เส้นทางสู่การเป็นเทพนั้นยาวนาน และยากลำบาก ซึ่งเคล็บลับสู่ความสำเร็จของพระองค์อยู่ที่การเผชิญหน้าอันลี้ลับ ที่เปลี่ยนไปทั้งชีวิต ซึ่งบัดนี้กลายเป็นตำนานอันโด่งดังจนถึงทุกวันนี้ จากการฝึกตนเป็นเวลาหลายปีบนภูเขาอู่ตัง พระองค์ทรงรู้สึกเบื่อ และยอมแพ้ ระหว่างทางลงจากเขาอู่ตัง องค์ชายได้พบกับเจ้าแม่กวนอิมที่ปลอมแปลงร่างมาเป็นหญิงชรา ซึ่งตอนนั้นเจ้าแม่กวนอิมกำลังเหลาเหล็กแหลมอยู่ องค์ชายเห็นเข้าจนเกิดความสงสัย จึงเดินเข้าไปหาหญิงชราแล้วถามว่า เจ้าทำอะไรกับท่อนเล็กเส้นนั้น นางชราตอบว่า ข้ากำลังเหลาแท่นเหล็กให้เป็นเข็มเย็บผ้า องค์ชายรู้สึกประหลาดใจจึงถามหญิงชราว่า ท่อนเหล็กหนาเช่นนี้ จะเหลาเป็นเข็มได้อย่างไร เจ้าแม่กวนอิมตอบกลับว่า ถ้าท่อนเหล็กเหลาให้เป็นเข็มได้ อะไรก็เป้นไปได้ องค์ชายได้ยินดังนั้นก็ตะลึงไปในความปราดเปรื่องของหญิงชรา หากนางอดทนทำได้นานพอ ท่อนเหล็กที่นางกำลังเหลาอยู่ตอนนี้ ในวันหนึ่งจะกลายเป็นเข็มเย็บผ้าได้ เพียงแค่มีเวลามากพอ และความอดทน ด้วยแรงบันดาลใจนี้เอง ทำให้องค์ชายหันหลังกลับขึ้นเขาหวนไปฝึกตามเดิม โดยมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายให้จงได้ จากวันนั้นพระองค์ใช้เวลากว่า 40 ปีจนกลายเป็นเซียน จนสุดท้ายกลายเป็นเทพเจ้าที่ถูกเรียกขนานนามว่า “นักรบผู้สมบูรณ์แบบ”
ปัจจุบันบนเขาอู่ตัง ยังคงเป็นสำนักเรียนของลัทธิเต๋า มีนักพรตผู้ฝึกตนและผู้สนใจเข้ามาหาความรู้อยู่ไม่ขาดสาย เขาบู๊ตึ๊งจึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความงดงามของธรรมชาติให้ได้ชมกันทั้งปี ฤดูใบไม้ผลิจะเต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ ฤดูใบไม้ร่วง บนเทือกเขาจะปกคลุมด้วยสีเหลือง แดง ส้มของใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสี และในฤดูหนาวก็จะมีหิมะขาวโพลนปกคลุม ตลอดแนวเทือกเขา นักท่องเที่ยวสามารถนั่งกระเช้าขึ้นสู่จุดชมวิวของเขาบู๊ตึ้ง ซึ่งตั้งอยู่บนยอดที่สูงถึง 1,600 เมตร นักท่องเที่ยวจีน ส่วนใหญ่ที่ขึ้นเขาบู๊ตึ๊ง ส่วนใหญ่จะขึ้นไปขอพร ขอโชคลาภ เพราะเชื่อกันว่า เทพเจ้าเสวียนอู่ที่อยู่บนตำหนักทองบนยอดเขาบู๊ตึ๊ง สามารถดลบันดาลให้โชคลาภตามที่เราขอ และประทานความสำเร็จในหน้าที่การงาน
—————————————-
5. เที่ยวจีน “พระใหญ่เล่อซาน” (Leshan Grand Buddha) สิ่งมหัศจรรย์เมืองจีน
เที่ยวหน้าผาของเมืองจีน ตะลึงไปกับความมหัศจรรย์ของพระใหญ่เล่อซาน พระพุทธรูปที่องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันถูกจัดให้เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม และธรรมชาติ ด้านการแกะสลักยุคโบราณจาก ยูเนสโก (UNESCO)เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ปี ค.ศ. 1996 และที่นี่ยังถูกจัดให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของจีนอีกด้วย ตั้งอยู่ในมณฑลเสฉวน มีสายน้ำที่ไหลแรงของแม่น้ำต้าตู้ แม่น้ำหมิ่นเจียง และแม่น้ำชิงอี้ มาบรรจบกันใกล้จากเมืองเล่อซาน ชาวจีนเชื่อว่า แม่น้ำ 3 สายนี้ มีเทพคุ้มครองอยู่นานกว่า 1000 ปี
พระพุทธรูปเล่อซาน คือ ผลงานมหึมาที่ถูกแกะสลักจากบนหน้าผาอันสูงชัน ใช้เวลาถึง 90 ปี ในการแกะสลักพระพุทธรูปองค์ใหญ่จนสำเร็จ จากพระเศียรจรดพระบาท ทรงยาวเท่ากับเครื่องบินโบอิ้ง 747 ตัวยีราฟสามารถเข้าไปอยู่ในพระกัณฑ์ได้ ทหาร 50 คน สามารถยืนเรียงเป็นหน้ากระดานบนพระเพลา เทพีเสรีภาพสูงเพียงแค่พระอังสา และแม้กระทั่งนักบาสเหยาหมิ่นของจีน ก็ยังเตี้ยกว่าพระกร การแกะสลักพระพุทธรูปกว่า 223 ฟุต จากหน้าผาสูง คงเป็นงานยาก และเป็นเรื่องที่ท้าทายมาจนถึงทุกวันนี้
รูปแกะสลักประติมากรรมบนหน้าผาแห่งนี้ สามารถดึงดูดผู้คน และนักท่องเที่ยวจีนให้เข้ามาได้ถึง 2 ล้านคน / ปี เพราะความยิ่งใหญ่อลังการขนาดมหึมาที่นี่จึงกลายเป็นศูนย์กลางเห่งเมืองวัฒนธรรม ข้างทางเดินของหน้าผา เราจะเห็นรูปแกะสลักหินมากมาย ทอดยาวลงไปตามขั้นบันได รูปแกะสลักพระใหญ่เล่อซาน ตั้งอยู่เหนือชายฝั่งแม่น้ำคอยปกป้องสายธารนับพันปี โดยผู้ที่สร้างพระพุทธรูปนี้ คือ พระอาจารย์ไห่ทง พระผู้มีพระวินัยอย่างเคร่งครัด ท่านได้อุทิศตัวให้กับศาสนาพุทธ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 8 ในฐานะเจ้าอาวาสแห่งวัดหยินหลุน แห่งเล่อซาน ท่านรู้สึกเศร้าใจต่อชีวิตในชุมชน ที่ได้รับผลกระทบจากแม่น้ำ ท่านจึงหาวิธีการในการคุ้มครองผู้คนจากสายธารที่อันตรายแห่งนี้ ด้วยความพยายามเป็นอย่างมาก ท่านตัดสินใจสร้างพระพุทธรูปยักษ์ ที่จะคอยดูแล และให้พรในช่วงที่แม่น้ำนั้นอันตรายที่สุด เมื่อเจ้าหน้าที่ทางการผู้โลภมากได้ยินเรื่องเงินก้อนใหญ่ที่พระอาจารย์ได้สะสมไว้ เค้าพยายามขมขู่พระอาจารย์ไห่ทง ให้ละทิ้งแผนการนี้ไป แต่พระอาจารย์ไห่ทงไม่ย่อท้อต่อการรังแกของเจ้าหน้าที่ ท่านจึงประกาศว่าจะยอมควักตาตัวเองดีกว่ายอมสละเงินที่หามาได้เพื่อช่วยผู้คน เจ้าหน้าที่คิดว่าพระอาจารย์เพียงแค่ดีแต่พูดเท่านั้น แต่เค้าเข้าใจผิด หลังจากพระอาจารย์ควักลูกตาของตนเอง
กล่าวกันว่า ก้อนหินที่หลุดล่วงจากบนหน้าผาจากการสร้างพระพุทธรูป ที่หล่นลงไปในแม่น้ำ ทำให้กระแสน้ำลดความเชี่ยวลง พระพุทธรูปหันไปทางทิศตะวันตก นอกเหนือจากตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว พระพุทธรูปจะต้องเหมือนกับภาพดั้งเดิมของพระศรีอริยเมตไตรย์อีกด้วย โดยปกติพระศรีอริยเมตไตรย์จะประทับนั่ง พระบาทสองข้างวางลงบนพื้นดิน เป็นสัญญาณว่าทรงยังไม่ขึ้นต่อบัลลังก์ พระกัณฑ์ยาวเป็นสัญลักษณ์ของการมองเห็นอันยาวไกล พระเนตรเบิกกว้างเพียงขึ้น ด้วยสายพระเนตรที่สงบมีสามาธิ และจุดพระพักตร์ระหว่างพระเนตร คือ ดวงตาที่สาม สัญลักษณ์ของการตื่นรู้ของจิตวิญญาณ ผู้คนที่มาสักการะบูชากล่าวกันว่าพระองค์ คือ สัญลักษณ์แห่งความหวังของอนาคต
—————————————-
6. เที่ยวจีน “วัดแขวนหน้าผา” (Overhanging Temple) หรือ วัดเสวียนคง (Xuangkong) สิ่งมหัศจรรย์เมืองจีน
แหล่งท่องเที่ยวจีนอันน่าอัศจรรย์ที่มนุษย์สร้างขึ้นสมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ มรดกทางวัฒนธรรมของจีน สถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งที่สุดแห่งหนึ่ง “วัดแขวนหน้าผา” 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของจีน สถานที่เที่ยวอันโด่งดังที่มีอารามของวัดยืนออกมาจากหน้าผา อารามความศักดิ์สิทธิ์ของวัดแห่งนี้มีชื่อว่า วัดเสวียนคง (Xuangkong) ตั้งอยู่เมืองต้าถง มณฑลซานซี มีอายุกว่า 1,500 ปี อยู่ระหว่างตรงกลางหน้าผาหินของเขาเหิงซาน
วัดแขวนหน้าผา ชาวจีนเรียกว่า วัดที่แขวนอยู่กลางหาว ด้วยตำแหน่งอันพิศดารที่ตั้งอยู่นี้ มีขุนเขาปิดกั้นลม ฝน และแสงแดดจากทางทิศเหนือ-ทิศใต้ นับพันปี การลอยตัวของอารามแห่งนี้ใช้เพียงเสาไม้ค้ำยันที่เสียบทะลุเข้าไปในผาหินเท่านั้น มีความมั่นคง แข็งแรง อย่างน่าเหลือเชื่อ ภายในวัดเป็นแหล่งรวมความศักดิ์สิทธิ์ ความเชื่อของ 3 ศาสนา ได้แก่ ลัทธิเต๋า ขงจื้อ และพระพุทธศาสนา ที่มีผู้คนมากมายในทุกปีจะต้องมาไหว้สักการะบูชาอย่างไม่ขาดสายจนถึงปัจจุบันนี้
—————————————-
7. เที่ยวจีน “อุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกว” (Jiuzhaigou) ความงดงามของธรรมชาติเมืองจีน
ท่องเที่ยวจีนแดนมังกร เมืองของนางฟ้าบนโลกมนุษย์ จากธารน้ำพุดบนยอดเล็กๆ บนยอดเขา ก่อเกิดมวลน้ำมหาศาล จนกลายเป็นม่านน้ำตกอันสวยงามดังไข่มุก มีธารน้ำไหลลงเป็นรูปตัววาย ความยาวกว่า 50 กม. สามารถชื่นชมความงดงามของธรรมชาติ 144 แห่ง ซึ่งมีทั้งป่าไม้ หุบเขา น้ำตก ทะเลสาบ
“อุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกว” พื้นที่ทางตอนเหนือของมณฑลเสฉวน มีน้ำตกหลายระดับชั้น ทะเลสาบที่มีสีสันงดงาม ทะเลสาบห้าสี ทะเลสาบกระจก ทะเลสาบไผ่ลูกศร ทะเลสาบแพนด้า ทะเลสาบนกยูง ถ้ามาเที่ยวในฤดูใบไม้ร่วง สีเหลืองของใบไม้จะสะท้อนผ่านสีเขียวของผืนน้ำ เกิดเป็นภาพที่สะกดทุกสายตา พูดกันไปปากต่อปากจนมีชื่อเสียงอันโด่งดัง จนได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโก ให้อุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกว เป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. 2535 และเป็น World Biosphere Reserve ใน พ.ศ. 2540
ความหมายของจิ่วจ้ายโกว คือ อะไร
จิ๋ว แปลว่า เก้า จ้าย แปลว่า หมู่บ้าน และส่วนคำว่า โกว แปลว่า หุบเขา รวมกันเป็น เก้าหมู่บ้านในหุบเขา หรือ หมู่บ้านธารน้ำทั้งเก้า สถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของชนกลุ่มน้อยของชาวธิเบต ที่พักพร้อม การคมนาคมสะดวก คุณจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมการแต่งกายของชาวจีนธิเบต ในการเดินเที่ยวช้อปปิ้งในหมู่บ้านเราจะสังเกตเห็นธง 5 สี สวยงามมากมาย ซึ่งแต่ละสีก็จะมีความหมายดังนี้ 1. สีขาว หมายถึง สายลม 2. สีฟ้า หมายถึง ท้องฟ้า 3. สีแดง หมายถึง พระอาทิตย์ 4. สีเหลือง หมายถึง แผ่นดิน 5. สีเขียว หมายถึง ต้นไม้
—————————————-
8. เที่ยวจีน “จางเจียเจี้ย” (Zhangjiajie) ความงดงามของธรรมชาติเมืองจีน
เที่ยวธรรมชาติเมืองจีน แหล่งท่องเที่ยว “จางเจียเจี้ย” เมืองที่อยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลหูหนาน สัมผัสวัฒนธรรม ประเพณี ล่องเรือทะเลสาบเป่าเฟิงหัว (Baofeng Lake) เป็นทะเลสาบที่อยู่บนเขา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-35 นาที ทะเลสาบเป่าเฟิงหู เส้นทางธรรมชาติที่มีบรรยากาศเป็นภูเขาสูงล้อมรอบ มีแม่น้ำสีเขียวมรกตที่ใสมาก มีภูเขาที่มีรูปทรงที่แปลกตา เช่น ภูเขาหินรูปนกยูง ภูเขาหินคางคกอ้าปากอมจันทน์ หรือ หินที่มีรูปร่างเหมือนหน้าผู้หญิงส่องกระจก ซึ่งเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นโดยไม่มีการตกแต่งเพิ่มเติมแต่อย่างใด รอบ ๆ ทะเลสาบอุดมด้วยป่าไม้ สัตว์ป่า และถ้ำพิสดาร อย่างหนังเรื่องไซอิ๋ว ก็ถ่ายทำที่น้ำตกฉีเฟิงของทะเลสาบเป่าเฟิงหูแห่งนี้
ห่างจากทะเลสาบ 8 กิโลเมตร ห้ามพลาดไปชื่นชมกับหนึ่งในบรรยากาศภาพยนตร์ชื่อดังเรื่อง อวตาร สถานที่อันโด่งดังไปทั่วโลกของ “ภูเขาเทียนจื่อซาน” หรือภูเขาเจ้าฟ้า ขึ้น “ไป่หลง” ลิฟท์แก้วกลางแจ้งสูงถึง 1250 ม. ใช้เวลาเพียง 2 นาที เท่านั้น ใช้จิตนาการของคุณชื่นชมไปกับ พู่กันจักรพรรดิ นางฟ้าโปรยดอกไม้ และสะพานหนึ่งในใต้หล้า นอกจากนี้ที่นี่ยังมีจุดชมวิว 360 องศา เรียกว่า เทียนป๋อแมนชั่น เป็นจุดเดียวในภูเขาเทียนจื่อซาน ที่จะสามารถชื่นชมไปกับบรรยากาศครบทุกองศา
จากใจกลางเมืองจางเจียเจี้ย นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวจีนจะต้องทึ่งกับกระเช้าลอยฟ้าที่ยาวที่สุดในโลก ระยะทางกว่า 7.5 กม. ไปจนถึงยอดเขาเทียนเหมินซาน คุณจะได้เห็นบรรยากาศเมืองจนเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ธรรมชาติ ผ่านก้อนหมอกก้อนเมฆของภูเขานับร้อย เหมือนกำลังขึ้นสวรรค์โบยบินอยู่บนฟ้าและถ้าอากาศเป็นใจคุณจะได้เห็นถนน 99 โค้ง ที่ขดไปขดมา ไปจนถึงจุดที่เรียกว่า ประตูสวรรค์บนโลกมนุษย์ ของภูเขาเทียนเหมินซานอีกด้วย บอกได้เลยว่าที่จางเจียเจี้ย แห่งนี้ ช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ ใช้เวลานั่งกระเช้า 35-40 นาที ก็จะถึงจุดสูงสุดที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 1400 ม. เมื่อออกจากกระเช้าแล้ว ก็ไปเดินสะพานกระจก หรือระเบีบงสวรรค์ (Glass Plank Road) จุดหวาดเสียวของทางเดินหน้าผา ระยะทางกว่า 2.7 กม. แล้วขึ้นไปไหว้พระที่อยู่บนสุดของเขา วัดเทียนเหมินซาน
จากนั้นนั่งกระเช้าลงมาจุดสถานีที่สอง แล้วไปต่อรถบัสโดยสารวิ่งบนถนน 99 โค้ง ก่อนไปขึ้นบันได 999 ขั้น ที่มีภูเขาเป็นโพรงทะลุจนกลายเป็นช่องประตูที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งผู้คนต่างขนานนามที่แห่งนี้ว่า ประตูสวรรค์ เทียนเหมินซาน ช่องประตูนี้สูง 137.5 เมตร และกว้างถึง 57 เมตร ลึก 60 เมตร
ไฮไลท์ที่ทางเราขอนำเสนอที่ฉางซาน กับการแสดงโชว์กลางแจ้ง 600 กว่าคน ที่มีเพียงวันละ 1 รอบเท่านั้น สถานที่การแสดงสามารถจุดผู้ชมได้สูงถึงสามพันคน หากสนใจจริงๆ ควรหาจองก่อนล่วงหน้าเพื่อที่จะได้ไม่พลาดกับการแสดงที่มีฉากที่ยิ่งใหญ่ เอฟเฟค แสง สี เสียง ตระการตา ยิ่งกว่าโรงละครทั่วไปที่คุณเคยได้ดูอย่างแน่นอน โดยผู้กำกับชื่อดัง จางอี้โหมว กับการแสดงที่มีชื่อว่า “โชว์นางพญาจิ้งจอกขาว” ระหว่างความรักของคนกับจิ้งจอกเซียน 1000 ปี สามารถดูไชว์กลางแจ้งได้ตั้งแต่เดือน มี.ค.-พ.ย. เท่านั้น
—————————————-
9. เที่ยวจีน “เมืองโบราณเฟิ่งหวง” (Feng Huang) หมู่บ้านมรดกโลกของเมืองจีน
แหล่งท่องเที่ยวเมืองโบราณเฟิ่งหวง งานสถาปัตยกรรมของจีนที่สร้างขึ้นในยุคสมัยราชวงศ์ชิง สร้างมาแล้วกว่า 400 ปี ตั้งอยู่ทางตะวันตกของมณฑลหูหนาน “เฟิ่งหวง” หรือ “ฟ่งหวง” นี้ ประเทศจีนอนุรักษ์ไว้เพื่อการท่องเที่ยว มีหุบเขาล้อมรอบ และมีแม่น้ำถั่วเจียงเป็นสายหลักในการดำรงชีวิต โดยเมืองแห่งนี้มี 2 ชนเผ่าหลักๆ ได้แก่ เผ่าถู่เจีย และชนเผ่าแม้ว (ม้ง)
ตำนานเมืองโบราณเฟิ่งหวงนี้ โด่งดังขึ้นมาได้จากนักประพันธ์ท่านหนึ่ง ที่มีชื่อว่า “เสิ่น ฉง เหวิน” ท่านเป็นนักกวี บทกลอน และนักเขียนหนังสือ ต่อมาเมื่อหนังสือเล่มหนึ่งได้ถูกเผยแพร่ เรื่องราวเกี่ยวกับภูมิประเทศ วิถีวัฒนธรรมของเมืองโบราณเฟิ่งหวงนี้ จนทำให้ที่นี่กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง จากนั้นทางการจีนก็เข้ามาทำการอนุรักษ์บำรุงเมืองเฟิ่งหวงแห่งนี้ พร้อมกับการแต่งเติมแสง และสีสันของริมน้ำ ให้เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวจีนในรูปแบบเมืองโบราณที่มีชีวิต เนื่องจากลักษณะของแผนที่เมืองที่มีรูปร่างคล้าย”หงส์” ที่นี่จึงถูกขนานนามไว้อีกชื่อว่า “เมืองหงส์” จากนั้นจึงมีการสร้างสัญลักษณ์เป็นรูป “อนุสาวรีย์หงส์” ณ จัตุรัสกลางเมืองที่เรียกกันว่า “จัตุรัสหงส์”
นอกเหนือจากสถาปัตยกรรมโบราณของบ้านเรือนแล้ว ที่นี่ยังมี “สะพานสายรุ้ง” เป็นสะพานปูน 2 ชั้น ที่มีหลังคาคลุม เป็นจุดถ่ายรุปมุมสูง และจุดชมวิวที่สามารถมองลงไปเห็นบ้านเรือนได้ทั้ง 2 ฟากฝั่ง ลำน้ำถั่วเจียง ลำน้ำแห่งวิถีชีวิตที่ปัจจุบันยังคงวิถีดั้งเดิมด้วยการล้างผัก จับปลา ซักผ้า มองเห็นเก๋งจีนยุดเก่า กังหันน้ำ เจดีย์วั่นหมิง หรือจะเก็บบรรยากาศจากการล่องเรือชมทิวทัศน์ สัมผัสกับเสียงนก เสียงเพลงจากนักร้องสาวชาวม้งที่ขับกล่อมในลำน้ำเป็นระยะๆ ก็ไม่ว่ากัน
—————————————-
10. เที่ยวจีน “กุ้ยหลิน” (Guilin) อุทยานสวรรค์ทางธรรมชาติของเมืองจีน
กุ้ยหลิน เมืองเล็กๆ เมืองหยางโจว มณฑลกวางซี อยู่ทางตอนใต้ของจีน ลักษณะภูมิประเทศมีภูเขาสูงล้อมรอบ มีสายน้ำหลีเจียงเป็นสายน้ำหลัก และยอดเขาหินปูนกว่า 27,000 ยอด ที่มีรูปทรงแปลกตากลายเป็นอุทยานสวรรค์ทางธรรมชาติบนพื้นโลกที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของประเทศจีน ด้วยฉากที่เป็นธรรมชาตินี้เอง ทำให้นักเขียน นักจิตรกร มาที่นี่เพื่อสนุกกับการลงสี และใช้แสงเงา ถ่ายทอดงานศิลปะจากปลายพู่กันเป็นผลงานอันโด่งดังจนถึงทุกวันนี้
เนื่องด้วยที่นี่เป็นภูมิประเทศที่มีภูเขาหินปูนมากมาย จึงทำให้พบถ้ำทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นถ้ำหินปูนที่เกิดจากการกัดกร่อนของธรรมชาติ ฤดูที่มีน้ำมากเหมาะแก่การล่องเรือไปทุกที่ในแม่น้ำหลีเจียงมากที่สุด คือ ช่วงเดือนตั้งแต่ เม.ย.-ส.ค. ของทุกปี ในขณะเที่ยวล่องเรือสามารถนั่งจิบชาดอกกุ้ยฮวา (ดอกหอมหมื่นลี้) ไปพร้อมกับชมวิวทิวทัศน์เพื่อเพิ่มอรรถรสในการท่องเที่ยวจีน ช่วงที่นักท่องเที่ยวจีนน้อยที่สุดจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป เพราะเป็นช่วงน้ำน้อย ทำให้การล่องเรือลำบาก รวมไปถึงอากาศที่หนาวเย็นด้วย
และสัญลักษณ์ที่นักท่องเที่ยวพูดถึงเมืองกุ้ยหลิน ก็คือ การล่องเรือบนแม่น้ำหลีเจียงเพื่อมาชม ภูเขางวงช้าง (ภูเขาเซี่ยงบี่) ถ้ำขลุ่ยอ้อ เป็นต้น
—————————————-
11. เที่ยวจีน “อุทยานแห่งชาติหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ ” (Three Natural Bridges) ภูผาอัศจรรย์ของเมืองจีน
เที่ยวเมืองอู่หลง แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเอง ระดับ 5 A ที่ตั้งอยู่ในเขตปกครองพิเศษของ “ฉงชิ่ง” สถานที่แห่งนี้มีชื่อว่า “อุทยานแห่งชาติหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์” ที่ได้รับการการันตีจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติเมื่อปี 2007 อุทยานแห่งชาติหลุมฟ้า เกิดขึ้นเองจากการยุบตัวของเปลือกโลก ทำให้เกิดมีหลุมที่เป็นหุบเหวที่ลึกมาก ปากหลุมกว้างถึง 300 ม. และมีพื้นที่กว่า 150,000 ตารางเมตร การเดินชมจะต้องลงลิฟต์เเก้ว เเละต่อด้วยการเดินลงบันได หรือใครจะนั่งสะเหรี่ยงลงก็ได้เค้ามีบริการอยู่ประมาณ 150 หยวน หรือประมาณ 750 บ. โดยจะเดินลงไปผ่าน 3 สะพานอันโด่งดัง ได้แก่ สะพานมังกรฟ้า สะพานมังกรเขียว เเละ สะพานมังกรดำ
+ ไฮไลท์จุดแรกของสะพานมังกรฟ้า อยู่ที่โรงเตี้ยมใต้หุบเขาลึก ถูกสร้างขึ้นมาใหม่โดยจางอี้โหมว และที่นี่ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อันโด่งดังมาแล้ว เรื่องศึกโค่นบัลลังค์วังทอง เเละ Transformer4
+ ไฮไลท์จุดที่สอง สะพานมังกรเขียว เป็นจุดที่มีโพรงหน้าผาคล้ายรูปดาบ เป็นอีกจุดที่ได้รับความสนใจของนักท่องเที่ยวที่จะต้องมาถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกเลยทีเดียว
+ ไฮไลท์จุดที่สาม จะมีการแกะสลักหินเป็นรูปมังกรไว้ เส้นทางจะมีพื้นที่แคบ ค่อนข้างมืด แลดูลึกลับ และอับแสง จึงถูกเรียกว่า สะพานมังกรดำ
เมื่อเดินทางมาครบ 3 สะพานแล้ว จะผ่านทางออกของเทียนเชิงซ่านเฉียว เค้าว่าให้มองกลับไปจะเห็นหน้าผาที่มีรูปร่างคล้ายหน้าลิง สำหรับใครที่สนใจมาเที่ยวชมอุทยานแห่งชาติหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ สามารถหาซื้อตั๋วเข้าได้ที่ อาคารพีระมิด (Wulong Karst) ตัวเมืองอู่หลง
—————————————-
12. เที่ยวจีน “เมืองฉงชิ่ง” (Chongqing) 1 ใน 4 มหานครของประเทศจีน
เที่ยวจีน “เมืองฉงชิ่ง” (Chongqing) 1 ใน 4 มหานครที่ต้องไปให้ได้สักครั้ง “ฉงชิ่ง” เมืองที่มีแต่การเฉลิมฉลองแบบไม่รู้จบ เขตพื้นที่ปกครองพิเศษที่ขึ้นตรงกับรัฐบาลจีนโดยตรง มีระบบการจัดวางผังเมืองอย่างเป็นระบบกว่า 30 ปี ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เนื่องด้วยพื้นที่ทั้งเมืองเป็นทรัพย์สินของทางรัฐบาลไม่มีประชาชนเป็นเจ้าของที่ดิน ดังนั้นการวางแผน หรือการยกเลิกสัญญาจึงเป็นสิทธิ์ของรัฐบาลทั้งหมด จึงทำให้ฉงชิ่งกลายเป็นเมืองเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นแหล่งการค้า การช้อปปิ้งจนถูกขนานนามให้เป็นเมืองฮ่องกงน้อยแห่งที่ 2 ด้วยพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่กว่าปักกิ่งถึง 2 เท่า และเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศจีนถึง 42 ล้านคน ทำให้ฉงชิ่งกลายเป็นเมืองที่ติดอันดับ 1 ใน 4 มหานครของจีน ซึ่งได้แก่ ฉงชิ่ง, ปักกิ่ง, เซี่ยงไฮ้ และ เทียนจิน
…
รู้หรือไม่ว่า “ฉงชิ่ง” เป็นเมืองเอกของมลฑลเสฉวน ปัจจุบันถูกขนานนามว่าเป็น เมืองแห่งภูเขา หรือ เมืองแห่งม่านหมอก นั่นเพราะภูมิประเทศของเมืองฉงชิ่งที่มีภูเขาล้อมรอบ และมีหมอกปกคลุมเกือบตลอดทั้งปี จึงทำให้ภูมิอากาศค่อนข้างเย็นสบาย มีแม่น้ำแยงซีเกียงเป็นแม่น้ำสายหลัก มีการคมนาคมที่สะดวกสบาย มีทั้งรถไฟลอยฟ้า รถไฟใต้ดิน และรถไฟความเร็วสูง เส้นทางฉงชิ่ง – เฉิงตู ระยะทาง 315 กม. ใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชม. 15 นาที เท่านั้น เป็นเมืองที่ทันสมัยมากเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ในปัจจุบันนี้
…
ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด ถ้ามาเที่ยวฉงชิ่ง คืออะไร
– สเหน่ห์เมืองโบราณ หรือหมู่บ้านโบราณซีฉีกั๋ว (Ciqikou) บ้านและตึกเป็นสถาปัตยกรรมจีนโบราณ จุดท่องเที่ยวของถนนคนเดินที่มีทั้งร้านค้า งานศิลป์ และอาหารพื้นเมืองแปลกๆ ให้เลือกซื้อมากมาย เช่น บะหมี่เย็น น้ำตาลกวน เนื้อแพะ ขนมเปี๊ยะใส่ถั่วที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว เป็นต้น.
…
– มหาศาลาประชาคมสถานที่ตอนรับแขกบ้านแบกเมือง หรือเรียกว่า “ต้าหลี่ถัง” (Chongqing People’s Auditorium) โรงละครแห่งชาติ สามารถจุคนได้ถึง 3 พันคนเลยทีเดียว พื้นที่กว่า 25,000 ตารางเมตร และห้ามพลาดแสงสียามค่ำคืน หนึ่งในอีกจุดที่นักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายรูปกัน
…
– หงหยาต้า หรือ หงหย่าต้ง (Hong Ya Dong) ห้างสรรพสินค้าที่เป็นตึกโบราณที่สวยงาม ติดริมน้ำ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวจะต้องมาถ่ายรูปโดยเฉพาะยามค่ำคืน กับบรรยากาศของวิวแม่น้ำ ที่มีแสงสีอันสวยงาม
…
– Little Hong Kong หรือ ฮ่องกงน้อยๆ แห่งที่สอง แหล่งช้อปปิ้งใจกลางเมืองฉงชิ่ง ย่านเจียฟางเป่ย (Jiefangbei) ถนนช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม
…
– ล่องเรือชมแม่น้ำแยงซีเกียง ชื่นชมความตระกรานตาของเมืองแสงสี ทัศนียภาพยามค่ำคืนของมหานครฉงชิ่ง ที่ไม่แตกต่างจากเกาะฮ่องกงเลย เรือจะมี 2 รอบ รอบแรกเวลา 19.00 และ 20.00 น. ค่าขึ้นเรือราคาประมาณ 700-1000 บ.
…
– อุทยานแห่งชาติหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ มรดกโลกระดับ 5 A ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเอง มีความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่เมืองอู่หลง
…
– เมืองต้าจู้ (Dazu Rock Carvings) พระพุทธรูปหินแกะสลักต้าจู้ งานประติมากรรมที่เกิดจากแรงศรัทธาของมนุษย์อันยาวนานกว่า 1,000 ปี มรดกโลกทางวัฒนธรรมระดับ 5 A ที่เกิดขึ้นจากฝีมือของมนุษย์
…
– หนานเฉินฮุ่ย (South hot spring, Nan Quan Shui) บ่อน้ำแร่ทางใต้ของเมืองฉงชิ่ง จุดพักผ่อน พักร่างกายของนักท่องเที่ยว
…
– ถนนหยาง เฉิน จี (Yangren Jie) เมืองจำลอง เมืองเนรมิต หรือสวนสนุกดีๆ นี่เอง
—————————————-